เปิดภาพ ประยุทธ์ โชว์ขับรถ EV หลังทูตสวิส ทราบรัฐบาลไทยให้ความสำคัญ สนับสนุนรถยนตร์พลังงานไฟฟ้า ก่อนนายกฯ ทกลองขับวนโชว์รอบทำเนียบ นายกรัฐมนตรี ทดลองขับรถ EV ของนางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่
ภายหลังจากวันนี้ (6 ก.ค.65) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่
โดยนอกจากประเด็นสาระสำคัญ ที่นายกฯ ชื่นชมความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทยกับสมาพันธรัฐสวิส ที่มีมายาวนาน และได้ร่วมกันเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา รวมถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนความร่วมมือกันทางด้านการท่แองเที่ยวและเศรษกิจ
ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการทดลองขับรถ EV ของเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ นางเฮเลเนอ ทราบว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการสนับสนุน รถ EV จึงเชิญนายกรัฐมนตรีทดลองขับรถคันดังกล่าวของเอกอัครราชทูตฯ วนโชว์รอบทำเนียบอีกด้วย ซึ่งภาพนายกฯไทยขณะอยู่บนรถคันเก่งจะเป็นอย่างไร เชิญชมได้จากการประมวลภาพบรรายากาศการเข้าพบเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา
เพื่อเป็นการสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนหาข่าวเชิงรุก เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ และเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดอย่างเต็มที่ รวมถึงการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ในการเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุ และการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในการสอบสวนยังไม่ตัดประเด็นมูลเหตุจูงใจใด ๆ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยให้มุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของความเสียหายของสถานที่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยในเบื้องต้นมีรถยนต์หุ้มเกราะ 4 ประตูได้รับความเสียหาย จำนวน 1 คัน
จึงอยากขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงคอยเป็นหูเป็นตาในการจดจำบุคคล และคอยสังเกตวัตถุต้องสงสัยที่อาจถูกวางทิ้งไว้ในสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
‘อนุทิน’ ซัดสื่อวิจารณ์ปมกัญชาเสรี โง่แล้วยังอวดโง่ ท้าดีเบต
อนุทิน เดือด ซัดสื่อวิจารณ์ปมกัญชาเสรี ว่า โง่แล้วยังอวดโง่ ยืนยันตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว พร้อมท้าผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวมาดีเบตด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคม ที่ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 12
ซึ่งในช่วงหนึ่งที่กล่าวเปิดงานนั้น นาย อนุทิน ได้กล่าวถึงสื่อช่องหนึ่งที่กล่าวโจมตีมาตรการปลดล็อกกัญชา โดยนายอนุทืนยืนยันว่า ไม่ได้ตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่น ไม่รอบคอบ ยืนยันต้องการนำมาใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่เคยสนับสนุนให้นำมาใช้เพื่อสันทนาการ และส่งผลต่อจิตประสาท
“อย่างที่มีรายการข่าวช่องหนึ่งกล่าวว่ารัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ทำนโยบายกัญชาแบบขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องบอกว่าผู้ที่นำเสนอในเชิงนั้นนั่นแหละที่เป็นผู้ที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ผู้ที่ไม่มีความรู้ไม่เข้าใจ ต่างจากผม กระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบการ เกษตรกร ชาวบ้าน วิสาหกิจชุมชน ต่างรู้คุณประโยชน์ของพืชกัญชา กัญชงนำส่วนที่ดีมาใช้ หลังจากจัดรายการตอนเช้าเสร็จแล้ว ขอให้มาเดินเที่ยวชมงานพูดคุยกับคนในงานเพื่อเปิดหูเปิดตา ดูว่ามีนวัตกรรมอะไรบ้าง กัญชาสร้างคุณประโยชน์อย่างไรบ้าง
เราต้องใจกว้าง ให้มาคุยกับคนได้ใช้จริงๆ คนในกระทรวงฯ พร้อมไปดีเบตด้วยความเข้าใจ อย่างใจกว้าง เพราะเราตั้งใจทำประโยชน์ให้ประชาชน อย่าไปพูดคนเดียว ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน” นายอนุทิน กล่าว
หลังกล่าวเปิดงานนายอนุทิน ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นดังกล่าวว่า “มีแต่โง่แล้วอวดฉลาด แต่นี่โง่แล้วยังอวดโง่ ด้วยความไม่เข้าใจ ด้วยความเบาปัญญา ก็ขอให้มาเที่ยวมหกรรมสมุนไพร ให้ได้ความรู้ เพราะการที่ไม่รู้แล้วพูดสื่อสารกับคนทั้งประเทศเป็นการกระทำที่เลวร้าย เป็นเวรกรรม ทั้งนี้ ก็ขอให้กล้ามาเที่ยวงานสมุนไพรแห่งชาติมาสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ”
กองทัพเกาหลีเหนือถือเป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยปัจจุบันมีกำลังพลเกือบ 1.3 ล้านนาย และมีกองกำลังสำรองอีก 6 แสนนาย อย่างไรก็ดีกองทัพเกาหลีเหนือนั้นใช้ยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ล้าสมัยเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง